ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ชุดที่ 1 พ.ศ.2522-2524
ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ชุดที่ 8 พ.ศ.2536-2539
ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ชุดที่ 9 พ.ศ.2539-2542
ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ชุดที่ 10 พ.ศ.2542-2544
ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ชุดที่ 11 พ.ศ.2544-2547
ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ชุดที่ 12 พ.ศ.2547-2551
ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ชุดที่ 13 พ.ศ.2551-2553
ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ชุดที่ 14 พ.ศ.2553-2555
ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ชุดที่ 15 พ.ศ.2555-2558
ดร. ยุกติ สาริกะภูติ เกิดที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2475 ปีที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองพอดี ดร. ยุกติ เป็นบุตรชายคนเดียวของพระยาสาริกพงศ์ธรรมาพิลาส มนูภาษย์ยุกติ สภาบดี (สวัสดิ์ สาริกะภูติ) อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลมณฑลอยุธยา กับนางจินต์ สาริกะภูติ (นามสกุลเดิม คารวานนท์)
เริ่มการศึกษาที่โรงเรียนเชิดชูวิทยาลัย จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และ โรงเรียนวุฒิศึกษาธนบุรี เข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษา ที่คณะกสิกรรมและสัตวบาล มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ จนจบปริญญาตรีเมื่อปี พ.ศ. 2497 จากนั้นไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านปฐพีวิทยา ที่มหาวิทยาลัยมิสซิสซิปปี้ สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ท่านยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยอีก 3 แห่ง ได้แก่ สาขาเกษตรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สาขาส่งเสริมการเกษตร จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ดร. ยุกติ สาริกะภูติ เริ่มรับราชการ ที่กรมกสิกรรม และได้ก้าวหน้าในหน้าที่ราชการโดยลำดับ ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมก่อตั้งกรมส่งเสริมการเกษตรจนเป็นผลสำเร็จ เมื่อปี พ.ศ. 2511 โดยรวมงานของกรมกสิกรรม กรมการข้าว และสำนักงานส่งเสริมการเกษตร ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าด้วยกัน โดยมีศาสตราจารย์ ทำนอง สิงคาลวณิช เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรคนแรก และ ดร. ยุกติ สาริกะภูติ ได้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นท่านที่ 2 ในปี พ.ศ. 2518
ต่อมาในปี พ.ศ. 2524 ท่านได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อยู่ 1 ปี ก่อนจะได้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เมื่อปี พ.ศ. 2525 – 2529 และกลับไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2530
ในปี 2531 ตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ว่างลง (ขณะนั้นกรมป่าไม้ยังสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) และกระทรวงเกษตรฯ ยังหาผู้ใดมาดำรงตำแหน่งไม่ได้ จึงได้มอบหมายให้ ดร. ยุกติ สาริกะภูติ รองปลัดกระทรวงฯ ในขณะนั้น รักษาการอธิบดีกรมป่าไม้ อีกตำแหน่งหนึ่ง โดยท่านรักษาการอยู่ 1 ปี และต่อมาในปี พ.ศ. 2534 ดร.ยุกติ ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จนเกษียณอายุราชการในปี พ.ศ. 2535
นอกจากการดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว ดร. ยุกติ สาริกะภูติ ยังได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ทำหน้าที่พระยาแรกนาขวัญ ในพระราชพิธีพืชมงคล จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ถึง 4 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรก ปีพ.ศ. 2529 และ 2530 ขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมวิชาการเกษตร และ อีก 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2534 และ 2535 ในขณะดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการ กรรมการ และผู้ทรงคุณวุฒิ ของสถาบันการศึกษา และ องค์กรทางสังคมต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เช่น เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ของสภาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานคณะกรรมการ ที่ปรึกษาประจำสาขาวิชาส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นต้น
นอกจากนี้ยังเป็นประธานอภิมนตรีสภาสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ 2 สมัย เป็นนายกสมาคมวิทยาศาสตร์การเกษตรแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ เป็นประธานมูลนิธิส่งเสริมยุวเกษตรกรไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นายกสมาคมดินและปุ๋ยแห่งประเทศไทย นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย เป็นต้น
สำหรับผลงานของ ดร. ยุกติ สาริกะภูติ ที่ท่านภาคภูมิใจ นอกจากการก่อตั้งกรมส่งเสริมการเกษตรแล้ว ท่านยังเป็นผู้นำระบบการฝึกอบรมและเยี่ยมเยียน (Training and Visiting System หรือ T & V) มาใช้ในประเทศไทย อันนำมาสู่การปรับปรุงงานส่งเสริมการเกษตรครั้งใหญ่ โดยกำหนดให้ทุกตำบลมีเจ้าหน้าที่เกษตรตำบลประจำปฏิบัติงาน เป็นการลดอัตราส่วนเจ้าหน้าที่ต่อเกษตรกรจาก 1 : 5,000 เหลือ 1: 1,000 ทำให้การเกษตรของไทยมีความก้าวหน้า และนับเป็นรากฐานของการพัฒนาการเกษตรมาจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อท่านมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักคืองานวิจัยทางด้านพืช ท่านก็ยังได้สร้างระบบเชื่อมโยงระหว่างงานวิจัย กับงานส่งเสริมการเกษตร ที่ยังใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบัน